ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) และวิธี อิ๊คซี่ (ICSI) คือวิธีการที่ตัวอสุจิจะเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ สำหรับ IVF นั้นเซลล์ไข่และตัวอสุจิ ถูกนำไปวางผสมกันในจานเพาะเลี้ยง โดยปล่อยให้ตัวอสุจิว่ายเข้ามาผสมกับเซลล์ไข่เองตามธรรมชาติ อสุจิที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถทำการปฏิสนธิกับไข่ได้ สำหรับ ICSI จะคัดเชื้ออสุจิที่แข็งแรงสมบูรณ์เพียงตัวเดียว และใช้เข็มแก้วขนาดเล็ก เจาะเปลือกไข่ ฉีดตัวเชื้อเข้าไปในเซลล์ของไข่โดยตรง ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ วิธี ICSI สามารถเพิ่มอัตราการปฏิสนธิให้ผลที่ดีมาก และช่วยลดปัญหาการปฏิสนธิที่ผิดปกติ เช่น การปฏิสนธิจากอสุจิหลายตัวและอสุจิไม่สามารถเจาะเปลือกไข่ ได้เอง เป็นต้น ฝ่ายชายที่มีปริมาณอสุจิน้อยกว่าปกติ ไม่เพียงพอทีจะทำ IUI หรือ IVF ฝ่ายชายที่มีปัญหาอสุจิเคลื่อนไหวน้อยกว่าปกติ ฝ่ายชายที่มีอสุจิมีรูปร่างผิดปกติ < 4 % ฝ่ายชายที่มีปัญหาอสุจิไม่สามารถเจาะเปลือกไข่เพื่อให้เกิดการปฎิสนธิได้ ในรายที่ต้องเก็บอสุจิจากการผ่าตัด (Surgical sperm retrieved) เช่นคนไข้ชายที่เคยทำหมันมาก่อน ในรายที่ฝ่ายหญิงแช่แข็งไข่ไว้ คู่สมรสที่ต้องการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมด้วยวิธี NGS ช่วยเพิ่มอัตราการปฏิสนธิ 70-85 % ทำให้ได้ตัวอ่อนมากขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสให้เกิดการตั้งครรภ์สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก ฝ่ายหญิงอายุเฉลี่ยที่ 35 ปีขึ้นไป ในกรณีที่ทำ ICSI และมีการผสมกันแล้วได้ตัวอ่อนหลายตัว มีตัวอ่อนเหลือสามารถเก็บแช่แช็งไว้ทำครั้งต่อไปได้ โดยไม่ต้องกลับมาเริ่มขั้นตอนกระตุ้นไข่เก็บไข่ใหม่ หากคนไข้พร้อมมีลูกคนต่อไปเมื่อไหร่สามารถกลับมาทำได้เรื่อยๆ เป็นวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยาก ที่มีโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จสูงที่สุด เมื่อเทียบกับวิธีการรักษาอื่นๆ วันที่ 1-3 ของรอบประจำเดือน แพทย์จะทำอัลตราซาวน์ดูจำนวนฟองไข่ตั้งต้น และเจาะเลือดฮอร์โมน จากนั้นจะให้ยาฉีดการกระตุ้นไข่ ประมาณ 8-12 วัน เพื่อให้ได้เซลล์ไข่จำนวนหลายใบซึ่งมีคุณภาพที่ดีแล้ว เมื่อฟองไข่มีขนาดที่เหมาะสมแพทย์จะทำการเจาะเก็บไข่ออกมา จากนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน จะนำไข่เหล่านั้นมาผสมกับอสุจิที่ผ่านการเตรียมและคัดแยกเฉพาะอสุจิที่สมบูรณ์ โดยห้องปฏิบัติการวิเคราะห์อสุจิ จากนั้นนำมาเก็บไว้ใน ตู้สำหรับเลี้ยงตัวอ่อนเพื่อปล่อยให้อสุจิได้ทำการปฏิสนธิกับไข่และทำการตรวจผลการปฏิสนธิหลังจากนั้นประมาณ 16-18 ชั่วโมง และเลี้ยงตัวอ่อนเหล่านั้นไปประมาณ 5-6 วัน การย้ายตัวอ่อน (ET) ใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูก จะทำหลังจากเก็บเซลล์ไข่และปฏิสนธิกับอสุจิ แล้ว ซึ่งจะสามารถย้ายได้ตั้งแต่ตัวอ่อนระยะวันที่ 3 ถึงวันที่ 5 ซึ่งแบ่งเป็นการย้ายตัวอ่อนรอบสด (Fresh ET) และรอบแช่แข็งได้ (Frozen-thawed ET) โดยการย้ายตัวอ่อนแต่ละแบบ นั้นขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ในแต่ละราย ฝ่ายหญิงมีความผิดปกติของท่อนำไข่ที่ตีบหรือตันทั้งสองข้าง ฝ่ายหญิงมีภาวะตกไข่ผิดปกติ (PCOS) ฝ่ายหญิงมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คู่สมรสที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม ฝ่ายชายมีปัญหาเชื้ออสุจิมีจำนวนน้อยหรือคุณภาพไม่ดี ภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ โดยทั่วไปแล้วอัตราความสำเร็จของวิธีการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) จะค่อนข้างสูง อยู่ที่ 50-70% โดยอัตราการประสบความสำเร็จ จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ อายุของฝ่ายหญิง คุณภาพของเซลล์ไข่และอสุจิ คุณภาพของตัวอ่อน และความผิดปกติของโครโมโซมของตัวอ่อน ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกในวันที่ใส่ตัวอ่อน ความผิดปกติของมดลูก และเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นวิธีที่มีโอกาสสำเร็จมากที่สุดในปัจจุบัน สามารถรักษาหลากหายปัญหามีบุตรยาก ผู้หญิงทำหมันแล้วก็ทำได้ ผู้ชายที่มีอสุจิต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานสามารถทำ IVF ได้ สามารถตรวจโครโมโซมตัวอ่อนได้ มีราคาสูงกว่า IUI มีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่า ใช้เวลาหลายวัน ในบางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการเก็บไข่ เช่น ภาวะฟองไข่ถูกกระต้นมากเกินไปการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) และวิธี อิ๊คซี่ (ICSI)
ข้อบ่งชี้ในการทำ ICSI
ประโยชน์ของการทำ ICSI
ขั้นตอนในการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI)
การย้ายตัวอ่อน (Embryo Transfer)
การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) เหมาะสำหรับ
อัตราการตั้งครรภ์ จากวิธีการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI)
ข้อดีของการทำ ICSI
ข้อเสียของการทำ ICSI
Monday | 8:00 — 18:00 |
Tuesday | 8:00 — 18:00 |
Wednesday | 8:00 — 18:00 |
Thursday | 8:00 — 18:00 |
Friday | 8:00 — 18:00 |
Saturday | 8:00 — 18:00 |
Sunday | 8:00 — 18:00 |